
ละครช่อง7 - (เธอคือชีวิต)
โดยนำ :
พิ้งกี้ สาวิกา
เวียร์ ศุกลวัฒน์
ขวัญ อุษามณี
เรื่องย่อละคร
โตมร เป็นเด็กกำพร้า เติบโตอย่างโดดเดี่ยว เขาเป็นเด็กต่างจังหวัด แต่เป็นคนที่มุมานะ จนสามารถสอบติดมหาวิทยาลัยของรัฐ เขาต้องเข้ามาเรียนต่อในกรุงเทพทั้งที่ไม่มีที่พัก แต่โตมรไม่รู้สึกเดือดร้อนนัก ในมหาวิทยาลัยเขามีพี่รหัสเป็นผู้หญิงชื่อ เอื้อเฟื้อ หรือพี่เอื้อ เอื้อเฟื้อเป็นคนดีและเอื้อเฟื้อสมชื่อ เธอดูแล น้องรหัส คนนี้อย่างจริงใจ ทั้งคู่สนิทกันมาก จนโตมรได้มีโอกาสรู้จักกับ ปกป้อง พี่ชายของเอื้อเฟื้อ ซึ่งเรียนมหาวิทยาลัยเดียวกันแต่ต่างคณะ ทั้ง 3 คนมีนิสัยเหมือนกันคือรักสุนัขเหลือเกิน รู้จักกันได้ไม่นานกลายเป็นว่าปกป้องสนิทกับโตมรมากกว่า อาจเป็นเพราะเป็นผู้ชายด้วยกัน และชอบอะไรคล้าย ๆ กัน ถึงแม้สองพี่น้องจะรู้จักโตมรจนสนิทกันมาก แต่ก็ไม่รู้ว่าน้องชายคนใหม่ไม่มีที่พัก จนกระทั่งวันหนึ่งปกป้อง และเอื้อเฟื้อเห็นโตมรนั่งเล่นอยู่กับลูกสุนัขที่หน้าคณะ ทั้งที่เย็นมากแล้ว
ท่าทางของโตมรทำให้ทั้งคู่ต้องเดินเข้าไปหา คุยกันจนรู้ว่าโตมรไม่มีที่พัก เขาอาศัยนอนที่มหาวิทยาลัย หรือวัดแถว ๆ นั้นมาระยะหนึ่งแล้ว ปกป้องอดคิดไม่ได้ว่า โตมรเหมือนคนเร่ร่อนจรจัดเข้าไปทุกวัน ซึ่งเขาไม่อยากเห็นอย่างนั้น ปกป้องและเอื้อเฟื้อจึงพาโตมรมาที่บ้านในเช้าวันหนึ่ง หมอจิรัสย์ หรือปู่ใหญ่ของเขาตั้งกองทุนขึ้นมาสำหรับนักศึกษาแพทย์ที่ขาดแคลน แม้ปู่ใหญ่จะตายไปหลายปีแล้ว คนที่ดูแลและมีอำนาจตัดสินใจเลือกนักศึกษาคือ ย่าแขไข หรือ ภรรยาม่ายของปู่ใหญ่ โตมรตาม 2 พี่น้องมาอย่างไม่แน่ใจนักว่าเขาจะผ่านการพิจารณาของแขไข ปกป้องบอกโตมรว่า แขไขเป็นพี่สาวของ พัดชา ซึ่งเป็นย่าแท้ ๆ ของเขา พ่อของเขาคือ จิรายุ เรียกแขไขว่าป้า บ้านสวยหลังนี้เป็นของปู่ใหญ่กับแขไข ทั้งคู่ไม่มีลูกด้วยกัน เมื่อ ปู่กวิน สามีของย่าพัดชาตาย ย่าพัดชาจึงพาจิรายุลูกชายมาอยู่กับพี่สาว จนเรียนจบแต่งงานแยกครอบครัวไปอยู่ลำพัง จนกระทั่งแม่ของปกป้องและเอื้อเฟื้อตาย
จิ รายุ จึงพาลูกชายและลูกสาวมาอยู่กับย่า เพราะเขาต้องย้ายไปทำงานที่เชียงใหม่ จะว่าไปแล้วจิรายุไม่อยากให้ลูกอยู่กรุงเทพกับป้าแขไขและแม่พัดชา แต่ขัดใจพัดชาไม่ได้ อีกประการหนึ่งจิรายุเองก็ห่วงป้าแขไขผู้มีบุญคุณและพัดชาเหมือนกัน ในบ้านสวยงามใหญ่โตนี้ มีเพียงผู้หญิงแก่ๆ 2 คน กับบริวารเท่านั้น การ ที่ให้ปกป้องและเอื้อเฟื้ออยู่ด้วยก็จะดีเพราะจะได้ช่วยดูแลญาติผู้ใหญ่ ทั้งบ้านมีปกป้องเป็นผู้ชายอยู่คนเดียว และเขาก็ทำหน้าที่ได้ดีสมชื่อ ปกป้อง ทว่าในวันนี้ปกป้องพาโตมรมาเพื่อขออนุญาตย่าแขไขให้น้องรักต่างสายเลือดมา อยู่ด้วย เมื่อปกป้องแนะนำโตมรให้แขไข และพัดชารู้จัก ชายหนุ่มกราบอย่างเรียบร้อย เมื่อเงยหน้าขึ้นก็พบว่าแขไขมองเขาอย่างพิจารณา นางเรียกให้เขาเข้าไปหาใกล้ ๆ
โตมรเข้าไปคุกเข่าอยู่ตรงหน้าแขไขเหมือนต้องมนต์ เมื่อสบตากันโตมรคิดว่าเขาเห็นแววตาของหญิงชรามีประกายของความยินดีขึ้นมา วูบหนึ่ง สีหน้าของเธออ่อนโยนและแจ่มใสขึ้นทันที แขไขยื่นมือซ้ายให้โตมรและยิ้มให้ โตมรตอบไม่ถูกเหมือนกันว่าทำไมเขาจึงรวบมือของนางไว้อย่างอ่อนโยน เขาสัมผัสมือของนางและลูบเบาๆ ไปทีละนิ้วจนถึงนิ้วนาง นิ้วของเขาสัมผัสกับรอยแผลเป็นเล็กๆ ที่นิ้วนั้น เมื่อเขามองอย่างพิจารณาจึงเห็นว่า แผลนั้นเป็นรอยแผลเป็นที่คาดอยู่โคนนิ้วเหมือนแขไขสวมแหวนไว้ตลอดเวลา โตมรเงยหน้าสบตาแขไขอย่างแปลกใจ เขารู้ว่าเขาไม่มีสิทธิถามทว่าแขไขกลับทำให้ พัดชา ปกป้อง และเอื้อเฟื้อแปลกใจ เมื่อนางยิ้มให้โตมรอย่างแจ่มใส แววตาแจ่มจรัสเป็นประกายเหมือนสาว ๆ แขไขอนุญาตให้โตมรอยู่ที่บ้านนี้ได้ ยิ่งไปกว่านั้นเธออนุญาตให้เขาไปอยู่ที่ กระท่อมเจ้าเงาะ หรือเรือนเล็กในสวนซึ่งทุกคนในบ้านรู้ดีว่า แขไขรักและผูกพันกับที่นั่นมาก นางชอบไปวาดรูปที่นั่นเสมอจนเป็นเหมือน Studio ส่วนตัวของแขไข ยิ่งไปกว่านั้นแขไขพูดกับโตมรเบา ๆ แต่ก็ดังพอที่ทุกคนจะได้ยินว่า
ดีใจที่กลับมา ต่อไปนี้โลกไม่มืดมนอีกแล้ว ปกป้องและเอื้อเฟื้อมัวแต่ดีใจที่น้องเลิฟจะมาอยู่ด้วย จึงไม่ผิดสังเกตอะไรกับคำพูดของย่าแขไข มีแต่โตมรเท่านั้นที่แปลกใจกับคำพูดของย่าแขไข ยิ่งไปกว่านั้นเขาตอบไม่ได้ว่าทำไมเขาจึงรู้สึก คุ้นเคย และ ผูกพัน กับ นางเหมือนรู้จักกันมานานแสนนาน โตมรยกกระเป๋าเสื้อผ้าตามปกป้องไปที่กระท่อมเจ้าเงาะอย่างมีความสุข และเมื่อเห็นเรือนเล็กกะทัดรัดหรือกระท่อมตามที่แขไขเรียก เขารู้สึกว่ามันดีเกินกว่าจะเรียก กระท่อม โตมรจัดที่พักใหม่อย่างตื่นเต้น เขารู้สึกเหมือนกระท่อมนี้เป็นบ้านของตัวเองก็ไม่ปาน ยิ่งไปกว่านั้น ภาพวาดของแขไขที่ทิ้งเอาไว้นั้นสวยเหลือเกินบอกถึงฝีมือคนวาดได้อย่างดี แม้ปกป้องจะอนุญาตให้เขาเก็บลงกล่องได้ถ้ารู้สึกเกะกะ แต่โตมรตั้งใจว่าเขาจะค่อยๆ เก็บเงินและทำกรอบแขวนตกแต่งไว้จะดีกว่า อย่างน้อยก็เพื่อเป็นการเคารพเจ้าของสถานที่
วันรุ่งขึ้น กัญญา แม่บ้านมาตามเขาไปใส่บาตรกับผู้เฒ่าทั้ง 2 ปกป้องและเอื้อเฟื้อ โตมรรีบไปทันที ที่หน้าบ้านทุกอย่างพร้อมหมดแล้วรอเพียงพระภิกษุที่จะมารับบาตรเท่านั้น เมื่อปกป้องให้เขาช่วยแขไข ซึ่งนั่งบนเก้าอี้รถเข็นเพื่อใส่บาตร โตมรเข้าไปอยู่ข้างๆ นางอย่างไม่เคอะเขิน เขาใช้มือแตะประคองมือที่สั่นเทาของหญิงชราที่ถือทัพพีตักข้าวสวยร้อนๆ หอมกรุ่นจากโถกระเบื้องใบโตใส่ลงในบาตรอย่างอ่อนโยน นุ่มนวล ส่วนปกป้อง เอื้อเฟื้อ และพัดชาช่วยหยิบกับข้าว ขนม ดอกไม้ใส่บาตร ขณะที่ใส่บาตรร่วมกัน
โตมรรู้สึกอบอุ่นวาบลึกในใจอย่างบอกไม่ถูก แขไขเองก็มีสีหน้าแจ่มใส มีความสุขเช่นกัน เมื่อใส่บาตรเสร็จพระไปหมดแล้ว ก่อนจะเข็นเก้าอี้ของแขไขกลับเข้าบ้าน โตมรเห็นชายคนหนึ่งในชุดดำเดินจากไปอย่างโกรธแค้นจนชายเสื้อสะบัดอย่างแรง เขากระพริบตาอีกครั้งก็ไม่มีแล้ว โตมรคิดว่าเขาตาฝาด แต่แขไขกลับช่วยยืนยันความคิดของเขาว่าถูกต้องเมื่อนางมองไปทางหน้าประตู บ้านและพูดว่า นั่นใครใส่ชุดดำอยู่ตรงนั้น ปกป้อง เอื้อเฟื้อ และพัดชาหันไปตามสายตาของแขไขแต่ไม่พบใคร ทว่าแขไขยังคงมองอยู่ที่เดิมอย่างไม่มั่นใจอยู่ครู่หนึ่งเมื่อไม่เห็นใคร จริง ๆ นางจึงยอมกลับขึ้นไปรับประทานอาหารเช้าที่ระเบียงบ้านอันสวยงามร่มรื่นโดยมี โตมรร่วมโต๊ะด้วยนอกจากหลาน ๆ ของนาง หลังอาหารเช้าวันนั้น วันที่โตมรรู้สึกอบอุ่นมีความสุขที่สุดในชีวิตแขไขก็หลับไป นางหลับไปโดยไม่ตื่นขึ้นมาอีกเลยแม้จะยังมีลมหายใจก็ตาม
เวลา ผ่านไป 2 ปี แขไขถูกส่งเข้าโรงพยาบาล นางเป็นเจ้าหญิงนิทราในห้อง ICU โตมรจะมาเยี่ยมเธอบ่อยครั้งจนคุ้นเคยกับพยาบาลที่วอร์ดเป็นอย่างดี โดยเฉพาะในวันพระเขาจะเตรียมของใส่บาตรมาให้แขไข ผู้หญิงที่มีพระคุณสำหรับเขา และเขาผูกพันมากที่สุดเพื่อให้เธอได้จบของก่อนที่เขาจะไปใส่บาตรแทนเธอ โตมรเรียนอยู่ปี 3 เอื้อเฟื้ออยู่ปี 4 ส่วนปกป้องเรียนจบแล้ว เขาเริ่มทำงาน ถ้าว่างจะไปต่างจังหวัดเสมอ มีเพียงโตมรที่รู้ว่าปกป้องไปบ้าน รวิชา แฟนสาวที่คบ ๆ เลิก ๆ แต่เมื่อเรียนจบทั้งคู่ก็หันมาคบกันอย่างจริงจัง เอื้อเฟื้อเองก็มี ชีวา เพื่อนรุ่นพี่ที่เป็นคนรู้ใจ จึงออกไปเที่ยวตามประสาคนรัก จิรายุนั้นแต่งงานใหม่กับ ปัณรสี และแทบจะย้ายไปอยู่เชียงใหม่เป็นการถาวรถึงกลับกรุงเทพก็จะพักอยู่คอนโดที่ ซื้อไว้
No comments:
Post a Comment